GRAND SEIKO

ภาพรวมหัวข้อเนื้อหา

Specification

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.

TABS CONTENTS

สรุปรวมงานสร้างสรรค์จาก ค.ศ.2020 หลักปีที่ 60 ของ Grand Seiko

ศักราช 2020 ที่เพิ่งผ่านล่วงมา คือปีที่ 60 นับจากนาฬิกาแบบแรกของ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) ถือกำเนิดขึ้นมา ณ วันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.1960 ซึ่งตามวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นนั้น เลขปีที่ 60 ถือเป็นปีพิเศษเพราะเป็นหลักปีที่สื่อถึงการมีอายุยืนยาว ธรรมเนียมการฉลองนี้เรียกว่า ‘คันเรกิ’ ซึ่งหมายถึงการเวียนมาบรรจบของปีนักษัตรที่เป็นปีเกิดของตนเองหลังจากอายุครบ 60 ปี

TABLE OF CONTENTS

สรุปรวมงานสร้างสรรค์จาก ค.ศ.2020 หลักปีที่ 60 ของ Grand Seiko

ศักราช 2020 ที่เพิ่งผ่านล่วงมา คือปีที่ 60 นับจากนาฬิกาแบบแรกของ Grand Seiko (แกรนด์ ไซโก) ถือกำเนิดขึ้นมา ณ วันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ.1960 ซึ่งตามวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นนั้น เลขปีที่ 60 ถือเป็นปีพิเศษเพราะเป็นหลักปีที่สื่อถึงการมีอายุยืนยาว ธรรมเนียมการฉลองนี้เรียกว่า ‘คันเรกิ’ ซึ่งหมายถึงการเวียนมาบรรจบของปีนักษัตรที่เป็นปีเกิดของตนเองหลังจากอายุครบ 60 ปี

การฉลอง 60 ปีที่ Grand Seiko เลือกกระทำก็คือ การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเด่นออกมามากมายโดยนับจำนวนรวมได้ถึง 18 ซีรี่ส์นาฬิกา 18 คาลิเบรอกลไก โดยมีรูปแบบแยกย่อยต่างกันถึง 61 รุ่นและในจำนวนเหล่านี้มีสถานะเป็นนาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นแบบ ลิมิเต็ด เอดิชัน ถึง 36 รุ่นด้วยกันซึ่งก็มีทั้งรุ่นให้ฐานะเป็นนาฬิกาฉลอง 60 ปี ที่เรียกว่า ‘60th Anniversary Limited Edition’ (ซิกซ์ตีธ์ แอนนิเวอร์ซารี ลิมิเต็ด เอดิชั่น) และรุ่นที่มีฐานะเป็นนาฬิกาเอดิชั่นพิเศษสำหรับโอกาสอื่น ๆ อาทิ ประเทศ ตัวแทนจำหน่าย หรือผู้แทนจำหน่าย เป็นต้น อีกทั้งนาฬิการุ่นใหม่เหล่านี้ก็มีหลายรุ่นที่ใช้เครื่องคาลิเบรอใหม่ ๆ ซึ่ง Grand Seiko ใช้โอกาสปีที่ 60 ของตนเปิดตัวออกสู่โลกนาฬิกาด้วย

เครื่องคาลิเบรอใหม่ที่ว่านี้ ได้แก่ เครื่องระบบ ‘Spring Drive’ (สปริง ไดรฟ์) ขึ้นลานอัตโนมัติ Cal.9RA5 ที่เด่นด้วยขนาดเครื่องอันเพรียวบางแต่มอบระยะการสำรองพลังงานได้นานถึง 5 วันและมีอัตราความเที่ยงตรงสูงกว่าเดิม เครื่องระบบจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติชนิด ‘Hi-beat’ (ไฮบีท) ความถี่การทำงานสูง 36,000 ครั้ง/ชั่วโมง สำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมง Cal.9SA5 ซึ่งใช้ระบบปล่อยจักรแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Dual Impulse’ (ดูอัล อิมพัลส์) และกลไกควอตซ์ Cal.9F85 ที่สามารถปรับตั้งเข็มชั่วโมงได้อย่างอิสระเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งการนำเสนอเครื่องคาลิเบรอใหม่พร้อมกันถึง 3 รูปแบบเช่นนี้ เป็นความน่าทึ่งซึ่งยากจะเกิดขึ้นได้ในวงการ หากแต่ Grand Seiko สามารถกระทำได้เพราะมีความพรั่งพร้อมในทุกด้าน ทั้งเทคโนโลยีการผลิต โรงงาน และบุคลากร นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอความก้าวหน้าในการพัฒนากลไกนาฬิการะดับสูงสู่สายตาชาวโลกด้วยเครื่องคาลิเบรอต้นแบบที่มอบความเที่ยงตรงด้วยกลไกทูร์บิญองระบบคอนสแตนท์-ฟอร์ซ

SBGA เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานอัตโนมัติ 9R65

นาฬิกาซีรี่ส์ SBGA เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานอัตโนมัติ พลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง Cal.9R65 เปิดตัวออกมาเพิ่มเติมในปีนี้ถึง 9 รุ่นด้วยกัน แบ่งเป็นนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่นผลิตจำนวนจำกัด 7 รุ่น และนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับตลาดอเมริกันอีก 2 รุ่น ดังต่อไปนี้

  • SBGA421 ผลิตเพื่อ AJHH (สมาคมเครื่องบอกเวลาระดับสูงแห่งประเทศญี่ปุ่น) ด้วยจำนวนจำกัด 390 เรือนสำหรับตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ใช้หน้าปัดแบบเกล็ดหิมะ สัญลักษณ์ GS สีทอง และใช้สีแดงกับเข็มวินาที เข็มบอกพลังงานสำรอง ข้อความ Spring Drive บนหน้าปัด เส้นวงแหวนรอบหน้าปัด และฝาหลัง จับคู่มากับสายสเตนเลสสตีลพร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำเงินให้สลับใช้งาน
  • SBGA423 รุ่นผลิตจำนวนจำกัดสำหรับวาระครบ 20 ปีของห้าง เจอาร์ นาโกยา ทาคาชิมายา ใช้สีทองกับสัญลักษณ์ GS และเข็มวินาที ขณะที่เข็มบอกพลังงานสำรองใช้เป็นสีแดง
  • SBGA425 ผลิตสำหรับจำหน่ายเฉพาะร้านที่อยู่ในเขตกินซาของกรุงโตเกียว ด้วยจำนวนจำกัด 205 เรือน หน้าปัดสีน้ำตาลบนผิวลายแผงคอสิงโต หลักชั่วโมงกับเข็มเป็นทองกุหลาบ
  • SBGA431 สำหรับตลาดประเทศจีน ผลิตจำนวนจำกัด 181 เรือน หน้าปัดสีขาวบนผิวลายแผงคอสิงโต เข็มวินาทีสีแดง
  • SBGA432 รุ่นสำหรับจำหน่ายเฉพาะที่ห้าง นิฮอนบาชิ มิตสุโคชิ ผลิตจำนวนจำกัด 23 เรือน หน้าปัดสีดำ วงขอบตัวเรือน เข็ม และหลักชั่วโมงเลขอารบิก เป็นทองคำ
  • SBGA433 สำหรับตลาดประเทศจีน ผลิตจำนวนจำกัด 222 เรือน มากับหน้าปัดสีน้ำเงินบนผิวลายแผงคอสิงโตและใช้ตราสัญลักษณ์ GS เข็มวินาที และเข็มกับมาตรบอกพลังงานสำรองเป็นทอง
  • SBGA435 สำหรับตลาดประเทศจีน ผลิตจำนวนจำกัด 222 เรือน มากับหน้าปัดสีฟ้าบนผิวลายแผงคอสิงโตและใช้ทองกุหลาบกับตราสัญลักษณ์ GS และเข็มวินาที
  • SBGA427 หน้าปัดสีเงิน เข็มวินาทีและเข็มบอกพลังงานสีเขียวเข้ม และ SBGA429 หน้าปัดสีเทาเข้ม เข็มวินาทีและเข็มบอกพลังงานสีเขียวอ่อน 2 รุ่นพิเศษสำหรับตลาดสหรัฐฯ โดยเฉพาะ มีชื่อเรียกว่า ‘Soko U.S. Special Edition’ (โซโกะ ยูเอส สเปเชียล เอดิชั่น) อันหมายถึงน้ำค้างแข็งที่สื่อถึงช่วงเวลาปลายฤดูใบไม้ร่วงซึ่งจะเกิดน้ำค้างแข็งบนยอดหญ้าในตอนเช้า หน้าปัดของนาฬิกาตัวเรือนสเตนเลสสตีล 2 รุ่นนี้ถูกตกแต่งผิวด้วยการปัดลายเส้นแนวดิ่งซึ่งเมื่อรวมเข้ากับสีเขียวของเข็มแล้วจะเป็นการสื่อถึงสวนป่าไผ่อาราชิยาม่า ในกรุงเกียวโต ทั้ง 2 รุ่นใช้ตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่มาพร้อมกับสายสเตนเลสสตีลและสายหนังจระเข้ให้สลับเปลี่ยนใช้งาน
 

SBGC เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่นโครโนกราฟและ GMT 9R96

ผลิตขึ้นมา 2 แบบ คือ SBGC237 ผลิตจำนวนจำกัด 30 เรือน หน้าปัดสีเงิน เข็มและหลักชั่วโมงทอง บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลติดตั้งวงขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์ และรุ่นฉลอง 60 ปี SBGC238 ผลิตจำนวนจำกัด 100 เรือน ตัวเรือนและเข็มจับเวลาเป็นทองกุหลาบ วงขอบหน้าปัดและพื้นหน้าปัดลายแผงคอสิงโตเป็นสีคราม คัตสึ-อิโระ

SBGD เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานด้วยมือ 9R01

SBGD205 รุ่นนี้เป็นนาฬิกาผลิตจำนวนจำกัดในวาระฉลอง 60 ปีจากคอลเล็กชั่น ‘Masterpiece’ (มาสเตอร์พีซ) ที่มากับตัวเรือนแพลทินัมพร้อมหน้าปัดทองขาวที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถันให้เกิดประกายดุจเกล็ดน้ำแข็งบนหิมะจากการขัดด้วยเทคนิค ‘Diamond dust’ (ไดมอนด์ ดัสต์) โดยลักษณะการตกแต่งเช่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประกายแสงยามรุ่งอรุณที่ทอลงบนหิมะอันขาวโพลนในฤดูหนาวบนทิวเขาของที่ราบสูงชินชูอเนะในจังหวัดนะงะโนะซึ่งมองเห็นได้จากหน้าต่างของโรงงาน Grand Seiko อีกทั้งยังซ่อนลูกเล่นอย่างมีชั้นเชิงด้วยการแฝงตำแหน่งของกลุ่มดาวราศีสิงห์ไว้บนผืนหน้าปัดและเพิ่มความงามเลอค่าด้วยการประดับเพชรทรงเหลี่ยมและทรงกลมบนหน้าปัดแทรกด้วยแซพไฟร์สีน้ำเงินทรงเหลี่ยมและทรงกลมในส่วนของหลักชั่วโมง ส่วนการขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของเครื่อง Spring Drive ขึ้นลานด้วยมือ Cal.9R01 ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 8 วันพร้อมเข็มบอกพลังงานบนด้านหลังของตัวเครื่อง

SBGE เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่น GMT 9R66

รุ่นใหม่ของคอลเล็กชั่นสปอร์ตในตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล กลไก Spring Drive ขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่น GMT ประกอบด้วยเวอร์ชั่นมาตรฐาน 3 แบบ ได้แก่ SBGE253, SBGE255 และ SBGE257 ซึ่งต่างกันที่สีของวงขอบตัวเรือนเซรามิก หน้าปัด และเข็ม GMT กับอักษร GMT โดยเป็นสีดำเข็มแดง สีน้ำเงินเข็มฟ้า และสีเหลืองเข็มเขียว และรุ่นฉลอง 60 ปีผลิตจำนวนจำกัด 60 เรือน SBGE261 Wako Ginza Limited Edition (วาโก กินซา ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ที่มากับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากดอกรินโดในจังหวัดนางาโนอันเป็นสถานที่ตั้งของโรงงานผลิตนาฬิกากลไก Spring Drive ของ Grand Seiko วงขอบหน้าปัดส่วนครึ่งล่าง อักษร GMT และปลายเข็ม GMT เป็นสีแดง ส่วนรุ่นผลิตจำนวนจำกัด 30 เรือน SBGE262 นั้นใช้วงขอบตัวเรือน เข็ม และหลักชั่วโมงทองร่วมกับหน้าปัดสีเงิน โดยมีแผ่นวงแหวนขอบตัวเรือนเป็นพื้นสีดำสลับกับสีขาวอย่างละครึ่งและมีสายหนังให้มาสลับเปลี่ยนใช้งานอีกเส้นหนึ่ง

นอกจากนี้ก็มีรุ่นผลิตจำนวนจำกัด 30 เรือนสำหรับห้างโยโกฮามา ทาคาชิมายา ซึ่งใช้แผ่นวงขอบหน้าปัดเป็นสีน้ำเงินสลับกับสีดำ เข็ม GMT สีน้ำเงิน หน้าปัดสีขาวบนผิวลายแผงคอสิงโต ร่วมด้วยวงขอบหน้าปัดสีน้ำเงินที่ฝั่งครึ่งบน และมอบสายซิลิโคนให้มาเพิ่มอีกเส้นหนึ่ง รุ่นผลิตจำนวนจำกัด 140 เรือนสำหรับ Thong Sia (ธงเซีย) ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศในเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และมาเก๊า โดยใช้หน้าปัดและแผ่นวงแหวนขอบตัวเรือนสีน้ำตาลร่วมกับเข็มและหลักชั่วโมงทอง และรุ่นผลิตจำนวนจำกัด 110 เรือนสำหรับตลาดสหรัฐฯ ที่มากับวงขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำตาล หน้าปัดสีน้ำตาลลายเส้นเกลียว ร่วมด้วยเข็มกับแนวขอบหน้าปัดฝั่งด้านล่างสีทองโดยรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นสำหรับฉลองครบรอบ 10 ปีของการจำหน่ายนาฬิกา Grand Seiko ในสหรัฐฯ

SBGH เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานอัตโนมัติ Hi-beat ความถี่สูง 9S85

รุ่นใหม่ของซีรี่ส์ SBGH นาฬิกาจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ Hi-beat พลังงานสำรอง 55 ชั่วโมงจากคอลเล็กชั่น Heritage (เฮริเทจ) ประกอบด้วย SBGH277 หน้าปัดสีเงิน และ SBGH279 หน้าปัดสีเทาซึ่งบรรจุเป็นคอลเล็กชั่นปกติ และ SBGH281 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นฉลอง 60 ปี ผลิตแบบจำนวนจำกัด 1,500 เรือน ที่เด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินร่วมกับเข็มและอักษรสีแดงพร้อมตราสัญลักษณ์ GS สีทองจนได้ฉายาจากแฟน ๆ ว่า ซูเปอร์แมน นอกจากนี้ก็มี SBGH283 นาฬิกาผลิตจำนวนจำกัดเพื่อฉลองให้กับการปรับปรุงสตูดิโอนาฬิกา ชิซูกุอิชิ ซึ่งเสร็จสมบูรณ์และเปิดทำการในปี 2020 นี้โดยถ่ายทอดตัวตนของสตูดิโอผ่านหน้าปัดสีเขียวเข้มผิวลายทางแนวดิ่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากใบไม้เขียวชอุ่มของภูเขาอิวาเตะซึ่งล้อมรอบสตูดิโอแห่งนี้ และเพิ่มความพิเศษด้วยโรเตอร์สีทองพร้อมข้อความ ‘Shizukuishi Limited’ (ชิซูกุอิชิ ลิมิเต็ด) โดยนาฬิการุ่นนี้จะมีจำหน่ายเฉพาะที่สตูดิโอแห่งนี้เท่านั้น

SBGJ เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานอัตโนมัติ Hi-beat ความถี่สูง ฟังก์ชั่น GMT 9S86

รุ่นใหม่ของนาฬิกาเครื่องอัตโนมัติ Hi-beat ฟังก์ชั่น GMT จากคอลเล็กชั่นสปอร์ตซีรี่ส์ SBGJ ประกอบด้วย SBGJ237 และ SBGJ239 ที่มากับวงแหวนขอบตัวเรือนซึ่งสามารถหมุนเพื่อใช้ตั้งค่าแสดงเวลาที่สามได้ ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้อยู่ที่ SBGJ237 ใช้หน้าปัดสีน้ำเงินและแผ่นวงแหวนขอบตัวเรือนเป็นสีน้ำเงินสลับสีขาว หน้าปัดสีน้ำเงิน เข็ม GMT สีขาว และสายสเตนเลสสตีล ส่วน SBGJ239 จะใช้แผ่นวงแหวนเป็นสีเขียวสลับสีขาว หน้าปัดสีเขียว เข็ม GMT สีแดง และสายหนังสีน้ำตาล

นอกจากรุ่นมาตรฐานแล้วก็ยังมีรุ่น SBGJ241 ซึ่งผลิตแบบจำนวนจำกัด 700 เรือนสำหรับจำหน่ายเฉพาะที่บูติกของ Grand Seiko โดยรุ่นนี้จะใช้หน้าปัดสีเขียวบนพื้นลายเส้นแนวดิ่งที่จำแลงรูปแบบมาจากลายบนพื้นไม้ของญี่ปุ่น และ SBGJ247 Wako Limited Edition (วาโก ลิมิเต็ด เอดิชั่น) ผลิตจำนวนจำกัด 60 เรือนที่มากับหน้าปัดสีเขียวบนพื้นลายรัศมี และมีสายหนังมาให้สลับใช้งานเพิ่มมาให้อีกเส้นหนึ่ง

SBGK เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานด้วยมือ 9S63

2 รุ่นพิเศษของซีรี่ส์ SBGK จากคอลเล็กชั่น Elegance (เอเลแกนซ์) นี้สร้างขึ้นเพื่อร่วมฉลองในโอกาสการเปิดบูติก Grand Seiko ที่จัตุรัส Vendôme (วองโดม) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 2020 นี้ โดยรุ่น SBGK011 ใช้ตัวเรือนแพลทินัม ส่วนรุ่น SBGK013 ใช้ตัวเรือนทองกุหลาบ ทั้ง 2 รุ่นมากับหน้าปัดสีเงินผิวลาย “Pavés Parisiens” (ปาเวส์ ปารีเซียงส์) อันเป็นตัวแทนแห่งถนนที่ปูด้วยหินในกรุงปารีส ผลิตจำนวนจำกัดแบบละ 10 เรือนโดยมีจำหน่ายเฉพาะที่บูติก ณ ประเทศฝรั่งเศสแห่งนี้เท่านั้น

SBGM เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่น GMT 9S66

2 รุ่นใหม่จากซีรี่ส์ SBGM นาฬิกาเครื่องจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติฟังก์ชั่น GMT นี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับตัวแทนจำหน่าย 2 แห่ง ได้แก่ รุ่น SBGM239 ผลิตจำนวนจำกัด 500 เรือน สำหรับ Hodinkee (โฮดินกี) ซึ่งใช้หน้าปัดสีน้ำเงินผิวด้านร่วมกับสเกล ตัวเลข และข้อความสีเทา และนาฬิกาเอดิชั่นพิเศษ SBGM241 สำหรับ Watches of Switzerland (ว็อทเชส ออฟ สวิตเซอร์แลนด์) ที่มากับหน้าปัดสีเขียวผิวลายภูเขาอิวาเตะพร้อมตัวเลข ตัวอักษร และเข็มสีทอง

SBGN เครื่องควอตซ์ฟังก์ชั่น GMT 9F86

2 รุ่นใหม่ของซีรี่ส์ SBGN นาฬิกาเครื่องควอตซ์ฟังก์ชั่น GMT จากคอลเล็กชั่น Heritage (เฮริเทจ) ได้แก่ SBGN011 และ SBGN013 ซึ่งมากับคุณสมบัติอันโดดเด่นที่สามารถปรับตั้งเข็มชั่วโมงได้อย่างอิสระโดยไม่ส่งผลต่อการทำงานของเข็มนาทีและเข็มวินาที ทำให้สามารถปรับตั้งเข็มชั่วโมงไปยังเขตเวลาใหม่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้คือ SBGN011 จะใช้หน้าปัดสีแชมเปญร่วมกับเข็ม GMT สีน้ำเงิน ส่วน SBGN013 จะใช้หน้าปัดสีดำร่วมกับเข็ม GMT สีแดง

นอกจากนี้ยังมีรุ่นผลิตจำนวนจำกัดสำหรับผู้แทนจำหน่ายเฉพาะรายออกมาอีก 2 รุ่น คือ SBGN015 หน้าปัดสีฟ้า ปลายเข็ม GMT สีน้ำเงิน ผลิตจำนวน 55 เรือน สำหรับห้าง โซโก ชิบะ และ SBGN017 หน้าปัดสีเงินบนผิวลายเปลือกไม้ เข็ม GMT สีแดง ผลิตจำนวน 56 เรือนสำหรับห้าง อิเซตัน ชินจูกุ โดยทั้ง 2 รุ่นจะมากับวงขอบตัวเรือนชนิดระบุสเกล 24 ชั่วโมง

SBGP เครื่องควอตซ์ 9F85

นาฬิกาซีรี่ส์ใหม่ SBGP ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2020 นี้ใช้เครื่องระบบควอตซ์ Cal.9F85 ซึ่งเป็นการการนำเครื่องควอตซ์ฟังก์ชั่น GMT Cal.9F86 มาถอดเข็มชั่วโมงออกเพื่อให้เป็นนาฬิกาฟังก์ชั่นบอกเวลาตามปกติ หากแต่มีคุณสมบัติการปรับตั้งเข็มชั่วโมงได้โดยอิสระติดมาด้วยซึ่งทำให้ใช้งานนาฬิกาในขณะเดินทางไปต่างเขตเวลาได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเทียบเวลาใหม่ เผยโฉมมาด้วยเวอร์ชั่นมาตรฐาน 3 แบบในคอลเล็กชั่น Heritage (เฮริเทจ) คือ SBGP001 หน้าปัดสีแชมเปญ เข็มวินาทีสีน้ำเงิน SBGP003 หน้าปัดสีดำ และ SBGP005 หน้าปัดสีน้ำเงิน และรุ่นพิเศษฉลอง 60 ปี SBGP007 ผลิตจำนวนจำกัด 2,500 เรือนที่ใช้ตัวเรือนคนละแบบกันและมากับหน้าปัดสีน้ำเงินบนผิวสลักลายตัวเลข 2020 และเข็มวินาทีสีแดงพร้อมประดับชิ้นดาว 5 แฉกสีทองเพื่อบ่งบอกว่าเครื่องที่ใช้กับรุ่นนี้ถูกปรับตั้งอย่างละเอียดให้มีความเที่ยงตรงสูงกว่าปกติ คือ จากไม่เกิน 10 วินาทีต่อปีอันเป็นมาตรฐานสามัญของเครื่องควอตซ์ Grand Seiko ให้เหลือเพียงไม่เกิน 5 วินาทีต่อปีเท่านั้น จากนั้นก็มีเวอร์ชั่นมาตรฐานอีก 3 เวอร์ชั่นตามออกมา คือ SBGP009 หน้าปัดสีแชมเปญ SBGP011 หน้าปัดสีดำ และ SBGP013 หน้าปัดสีน้ำเงินบนตัวเรือนลักษณะเดียวกับ SBGP007

นอกจากนี้ก็มีรุ่นฉลอง 60 ปี SBGP015 ผลิตจำนวนจำกัด 2,000 เรือนซึ่งถูกจัดอยู่ในคอลเล็กชั่นสปอร์ตเพราะใช้ตัวเรือนดีไซน์สปอร์ตที่ดูทะมัดทะแมงและเต็มไปด้วยเหลี่ยมสันคมคายโดยมาพร้อมกับวงขอบตัวเรือนและหน้าปัดสีน้ำเงินร่วมกับเข็มวินาทีสีแดงออกมาอีกรุ่นหนึ่งแต่ใช้เครื่องเวอร์ชั่นปกติร่วมกับตัวเรือนที่สามารถกันน้ำได้ 200 เมตรและป้องกันสนามแม่เหล็กได้สูงถึง 16,000 แอมแปร์/เมตร

SBGR เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานอัตโนมัติ 9S65

SBGR321 เป็นรุ่นใหม่เพียงหนึ่งเดียวในปี 2020 สำหรับตระกูลนาฬิกาเครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานอัตโนมัติพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมงซีรี่ส์ SBGR โดยมาในฐานะนาฬิกาฉลอง 60 ปีที่ผลิตขึ้นแบบจำนวนจำกัด 2,500 เรือน ในตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลที่เด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินและปลายเข็มวินาทีแดง ทั้งยังมีแถบวงแหวนสีแดงล้อมอยู่โดยรอบเหนือแผ่นโรเตอร์ไทเทเนียมทรงกลมฉลุโปร่งดุจลายกงล้อที่ทำให้เป็นสีน้ำเงินสวยงามด้วยกระบวนการออกซิเดชั่นแบบอโนไดซ์อันเป็นการนำโลหะไปผ่านกระบวนการอิเล็กโทรไลติกเพื่อให้เกิดฟิล์มออกไซด์ซึ่งก่อให้เกิดสีตามดัชนีการหักเหของแสงและตามความหนาของชั้นฟิล์ม

SBGW เครื่องจักรกลชนิดขึ้นลานด้วยมือ 9S64

3 รุ่นใหม่ใหม่ของซีรี่ส์ SBGW นาฬิกาเครื่องจักรกลขึ้นลานด้วยมือ สำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง Cal.9S64 ได้แก่ SBGW257 ตัวเรือนแพลทินัม หน้าปัดสีเงินทำจากทองคำพร้อมหลักชั่วโมงและเข็มทองเคลือบโรเดียม SBGW258 ตัวเรือนทอง หน้าปัดสีขาวนวลพร้อมหลักชั่วโมงและเข็มทอง และ SBGW259 ตัวเรือนบริลเลียนต์ ฮาร์ด ไทเทเนียม หน้าปัดสีน้ำเงิน ถูกสร้างขึ้นเพื่อร่วมฉลอง 60 ปีโดยบรรจุเป็นส่วนหนึ่งในคอลเล็กชั่น ‘Elegance’ (เอเลแกนซ์) ในฐานะเวอร์ชั่นมาตรฐาน จุดเด่นของ SBGW ก็คือ การสร้างขึ้นตามรูปแบบของนาฬิกา Grand Seiko รุ่นแรก จากนั้นจึงตามมาด้วย SBGW260 ตัวเรือนทองกุหลาบ หน้าปัดสีครีมละมุนพร้อมเข็มและหลักชั่วโมงทองกุหลาบที่ผลิตแบบจำนวนจำกัดเพียง 350 เรือนซึ่งมีฐานะเป็นนาฬิกาฉลองวาระปีที่ 140 แห่งการก่อตั้ง Seiko ในปี 2021 โดยรุ่นนี้จะมีความพิเศษอยู่ที่มีชิ้นแผ่นทองสลักเครื่องหมายการค้าดั้งเดิมของ Seikosha (ไซโกฉะ) ที่จดทะเบียนเมื่อปี 1900 ติดตั้งอยู่บนตัวเครื่อง ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายในเดือนมกราคม 2021

นอกจากนี้ยังมีการสร้างซีรี่ส์ SBGW ในตัวเรือนดีไซน์วินเทจอีกลักษณะหนึ่งขึ้นมาอีก ได้แก่ SBGW262 ตัวเรือนทองพร้อมหน้าปัดสีดำที่พิเศษยิ่งเพราะรังสรรค์ด้วยเทคนิคเก่าแก่ที่เรียกว่า อุรุชิ ซึ่งเป็นศิลปะการเคลือบแล็กเกอร์ของญี่ปุ่น ร่วมด้วยหลักชั่วโมงเลขอารบิกสีทอง 4 หลัก พร้อมโลโก้ GS และเข็มทอง ขณะที่หลักชั่วโมงชิ้นอื่นเป็นสีเงิน และ SBGW263 กับ SBGW264 โดย 2 รุ่นหลังนี้มีฐานะเป็นรุ่นฉลอง 60 ปี สำหรับรุ่น SBGW263 ที่ผลิตขึ้นแบบจำนวนจำกัดแค่ 20 เรือนนั้นมากับตัวเรือนแพลทินัมพร้อมหน้าปัดและเข็มทองขาวที่ได้รับการสลักตกแต่งเป็นลวดลายวิจิตรงดงามด้วยมือโดยช่างชั้นครู ส่วน SBGW264 ที่ผลิตขึ้นแบบจำนวนจำกัด 120 เรือนนั้นใช้ตัวเรือนทองกุหลาบร่วมกับหน้าปัดสีเขียวสลักลายต้นซิลเวอร์เบิร์ชอันเป็นพรรณไม้ที่อยู่ล้อมรอบสตูดิโอชิซูกุอิชิ อันเป็นแหล่งผลิตของนาฬิการุ่นนี้ เพื่อสื่อถึงสีเขียวของใบไม้บนลำต้นสีขาวผ่านการสลักลายอย่างละเอียดด้วยเครื่องจักรซึ่งทำให้ปรากฎเหลือบแสงสีขาวบนผิวหน้าสีเขียวเมื่อกระทบกับแสง

SBGX เครื่องควอตซ์ 9F61

นาฬิกาซีรี่ส์ SBGX รุ่นใหม่ที่มาพร้อมคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กได้สูงถึงระดับ 40,000 แอมแปร์/เมตร เปิดตัวออกมา 2 แบบ คือ SBGX341 หน้าปัดสีขาว และ SBGX343 หน้าปัดสีดำ โดยทั้งสองมีจุดเด่นอีกประการหนึ่งก็คือ การใช้สารเรืองแสงร่วมกันถึง 2 สีเป็นครั้งแรกของนาฬิกา Grand Seiko โดยเป็นสีฟ้ากับสีเขียว

 

SBGY เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานด้วยมือ 9R31

SBGY005 รุ่นนี้ถูกสร้างให้เป็นนาฬิการุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัดสำหรับห้าง ทาคาชิมายา โอซาก้า ด้วยจำนวนการผลิตแค่ 22 เรือน ความพิเศษของรุ่นนี้คือหน้าปัดสีขาวโพลนที่อยู่บนผิวตกแต่งดุจกำแพงน้ำแข็ง และมอบความเกลี้ยงเกลาด้วยการใช้เครื่อง Spring Drive ขึ้นลานด้วยมือ Cal.9R31 ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชั่นแสดงระดับพลังงานสำรองบนฝั่งด้านหลังของเครื่อง

SBGZ เครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานด้วยมือ 9R02

อีกวาระแห่งการฉลองของ Seiko ในปี 2020 ก็คือ การเป็นปีที่คุณคินทาโร ฮัตโตริ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมีอายุครบ 160 นาฬิกา SBGZ005 จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างสมเกียรติในตัวเรือนแพลทินัม 950 ที่บรรจุเครื่อง Spring Drive ชนิดขึ้นลานด้วยมือ สำรองพลังงานได้ 84 ชั่วโมงจากตลับลานระบบสายลานคู่พร้อมเข็มบอกพลังงานสำรองติดตั้งอยู่ด้านหลังเครื่อง อันเป็นคาลิเบรอที่มีความเที่ยงตรงสูงยิ่งด้วยระดับความคลาดเคลื่อนเพียงไม่เกิน 1 วินาที/วัน ซึ่งผลิตขึ้นที่สตูดิโอ ‘Micro Artist’ (ไมโคร อาร์ติสต์) และบ่งบอกด้วยแผ่นป้ายทองสลักชื่อสตูดิโอกำกับไว้บนด้านหลังของเครื่อง บอกเวลาบนหน้าปัดสีขาวเจือเทาที่ตกแต่งให้มีลวดลายเชิงเส้นในรูปแบบสุดซับซ้อนโดยมีแนวเส้นและระดับความลึกที่หลากหลายแผ่รัศมีออกมาจากจุดศูนย์กลางเพื่อแบ่งส่วนพื้นที่ออกเป็น 12 ส่วน และติดตั้งดาว 8 แฉกบนหน้าปัดร่วมกับหลักชั่วโมงและเข็มซึ่งทำจากทองขาว ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่ 50 เรือนเท่านั้นโดยเพิ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนมกราคม 2021 นี้